นิตยสารอินเทอร์เนชันแนล ลิฟวิง ได้จัดอันดับ 25 ประเทศที่น่าใช้ชีวิตอยู่ที่หลังเกษียณ ประจำปี 2565 นี้ โดยประเทศไทย คว้าอันดับที่ 11 ในการจัดอันดับดังกล่าว ด้วยคะแนน 72.9 คะแนน และ เป็นอันดับหนึ่งหากนับเฉพาะในหมวดหมู่ประเทศในทวีปเอเชียเท่านั้น
โดยสาเหตุที่ประเทศอยู่อันดับที่ 11 ในฐานะประเทศเหมาะใช้ชีวิตหลังเกษียณนั้น
เนื่องจาก ค่าครองชีพที่ถูก อากาศดี อาหารอร่อย ค่ารักษาพยาบาลไม่แพง และ ผู้คนเป็นมิตร โดยสถานที่ยอดนิยมได้แก่ กรุงเทพ หัวหิน และ เชียงใหม่ ขณะที่แชมป์ปีนี้ได้แก่ประเทศ ปานามา ตามมาด้วย คอสตาริกา และ เม็กซิโก ซึ่งสามประเทศนั้นล้วนแต่เป็นประเทศในแถบอเมริกาเหนือทั้งหมด ส่วนประเทศในทวีปเอเชียนอกจากประเทศไทยแล้วก็มี กัมพูชา (72.3) มาเลเซีย , เกาะบาหลีของอินโดนีเซีย และเวียดนาม ร่วมอยู่ด้วย
โดยนิตยสารอินเทอร์เนชันแนล ลิฟวิง ระบุว่าเกณฑ์การให้คะแนนนั้นได้แก่ ค่าครองชีพ ที่อยู่อาศัย ความสะดวกในการขอวีซ่า ระดับการพัฒนา บริการด้านสุขภาพ สภาพอากาศ สิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงหลักธรรมาภิบาล และเป็นการเก็บข้อมูลจากผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จริง ซึ่งทุกหัวข้อมีคะแนนเต็มสิบ
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม ทำการปฏิเสธถึงข่าวลือที่ว่า หยุดให้บริการ ในทุกเส้นทางทั่วประเทศ โดยทางหน่วยงานกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย
บขส., หยุดให้บริการ – (10 ม.ค. 2565) นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่สื่อออนไลน์บางแห่งยังมีการแชร์ข่าว “ประกาศ บขส. หยุดวิ่งรถทุกเส้นทางทั่วประเทศ เริ่มพรุ่งนี้” บขส. ขอความร่วมมือหยุดแชร์ข่าวดังกล่าว เนื่องจากสร้างความสับสนและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดให้แก่ประชาชนผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารของ บขส. ผ่านช่องทางของ บขส. โดยตรง อาทิ เว็บไซต์ www.transport.co.th, Facebook Fanpage: บขส. หรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี บขส. อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่นำชื่อ บขส. ไปใช้ในทางที่เสียหาย และใช้เรียกร้องความสนใจ เพื่อสร้างความเข้าใจผิดและสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะในวงกว้าง
โควิดวันนี้ล่าสุด ประเทศไทย ศบค. รายงาน โอไมครอน ลาม 71 จังหวัด เบียดเดลตาเหลือ 29.7%
วันนี้ 10 ม.ค. 2565 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เชื้อโอไมครอนว่า ข้อมูลจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบกระจายไปแล้ว 71 จังหวัด
ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อจากต่างประเทศ วันนี้ มีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 412 คน 61% เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ Test and Go 36% เป็นนักท่องเที่ยวจากระบบ Sandbox และอีก 3% เป็นกลุ่ม Quarantine ขณะที่รายงานผู้ติดเชื้อโควิดไทยวันนี้ ข้อมูล ณ เวลา เวลา 12.30 น. ผู้ป่วยรายใหม่ 7,926 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน 2,248,613 ราย หายป่วยแล้ว 2,170,053 ราย เสียชีวิตสะสม 21,744 ราย
ปีชง 2565 สาวไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ โดนของไหว้เกือบ 7 พัน แม่ค้าอ้างที่ไม่บอกราคาก่อน
ปีชง 2565 สาวไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ แก้ปีชง กลับ โดนราคาของไหว้เกือบ 7 พัน แม่ค้าอ้างที่ไม่บอกราคาก่อน เนื่องจากศาลใกล้ปิด อยากให้เข้าไปไหว้ ของไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า – สืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์ร้อนในโลกออนไลน์ เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อเรื่อง “ปีชง 2565” หญิงสาวรายหนึ่งได้เดินทางไปไหว้ของพรที่ ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า แต่กลับโดนเก็บค่าขอไหว้จากร้านค้าหน้าศษลเจ้าพ่อเสือมูลค่ากว่า 7 พันบาทนั้น
หญิงสาวเล่าว่า ร้านที่เกิดปัญหาเป็นร้านที่เคยซื้ัอประจำทุกปีอยู่แล้ว จึงไว้ใจ วันนั้นตนไปกับแฟน ระหว่างที่ตนเองไปเข้าห้องน้ำ แฟนที่ยืนรออยู่ได้บางทางร้านว่า มาไหว้ปีชง ร้านก็จัดของไหว้ให้ 2 ชุด ซึ่งปกติที่เคยมาไหว้ราคาไม่เคยเกิน 590 บาทต่อชุด ปรากฎว่าคราวนี้ เมื่อถามราคาก่อนจะเข้าไปไหว้ ป้าเจ้าของร้านกลับไม่ยอมบอก พูดว่า “เดี๋ยวค่อยออกมาจ่ายไปไหว้ก่อน”
ด้วยความไว้ใจ หญิงสาวจึงเข้าไปไหว้ก่อน พอไหว้เสร็จ ได้ใบเสร็จออกมา ราคาสูงถึง 6,830 บาท ทำเอาหญิงสาวถึงกับตกใจมาก จึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาโพสต์เป็นอุทธาหรณ์
คืบหน้าล่าสุด ทางแม่ค้าคู่กรณีได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงานข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ที่ของไหว้ราคาสูงถึงเกือบ 7 พันบาทนั้น เพราะเป็นของไหว้ชุดใหญ่สำหรับไว้เทพในศาลครบทุกองค์ และเป็นเซตคู่สำหรับไหว้ 2 คน ส่วนที่ไม่ได้แจ้งราคาก่อน เป็นเพราะตอนนั้น อีก 15 นาที ศาลเจ้าพ่อเสือจะปิดทาง ตนอยากให้ลูกค้าได้เข้าไปไหวแก้ปีชง
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นเว็บไซต์ใดที่มีการขอข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าความจำเป็น หรือน่าสงสัยว่าอาจหลอกเอาข้อมูลรหัสผ่าน สามารถแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง