รีวิวผิดชีวิตเปลี่ยน ทนายตั้ม เผยเคสสาวรีวิวข้อเสีย โรงแรมเขาใหญ่ เจอฟ้อง 3 ล้าน โทรขู่ พร้อมให้ขอโทษลง นสพ. 5 ฉบับ 7 วันติด สาวรีวิวข้อเสีย โรงแรมเขาใหญ่ กลายเป็นเรื่องที่หลายคนให้กำลังพูดถึงอย่างมาก หลังจากวานนี้ (6 ม.ค.65) “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของตัวเอง กรณีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งได้ไปพักโรงแรมที่เขาใหญ่ แล้วเขียนรีวิวในแอปพลิเคชั่นสำหรับจองที่พัก โดยให้คะแนนต่ำ เพียง 6 คะแนน จนฝั่งของโรงแรมให้ทนายส่งหนังสือมาเรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบาท และต้องจ่ายภายใน 15 วัน
“#รีวิวผิดชีวิตเปลี่ยน หลังจากหยุดปีใหม่ไปนาน
วันนี้ก็เลยให้คำปรึกษาเคสที่ได้นัดหมายไว้ทาง Inbox: 10 กว่าเคส มาสะดุดเคสสุดท้าย คุณขิงได้เดินทางไปเที่ยวที่เขาใหญ่ แล้วไปรีวิวใน (ขอสงวนชื่อ) เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2564 ให้คะแนนโรงแรมต่ำไปหน่อย โดนโรงแรมโทรกลับมาขู่ แล้วให้ทนายเรียกค่าเสียหาย 3,000,000 บาท ภายใน 15 วัน พร้อมให้ขอโทษโรงแรมทางหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน” โพสต์ให้ข้อมูลในตอนแรกที่รับเคสของ ทนายตั้ม
“ด้วยความสงสัยคุณขิงถึงกับเดินทางจากชัยนาทมาหาผมถามว่า หนูรีวิวไปตามความจริงแล้วผิดด้วยเหรอ แล้ว (ขอสงวนชื่อ) ต้องตอบทำไมเจ้าของโรงแรมถึงรู้ว่าใครที่รีวิว เพราะชื่อที่ล็อกอินก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แถมไปพักโรงแรมนี้ซักพักแล้วด้วย #รีวิวคะแนนต่ำโดนฟ้อง3ล้าน”
หลังโพสต์นี้ของ ทนายตั้ม เผยแพร่ออกไป ทีมข่าว ช่อง 3 ได้ไปสัมภาษณ์ คุณขิง สาวที่เขียวรีวิวโรงแรมดังกล่าว ซึ่งได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เธอได้จองที่พักโรงแรม ดังกล่าวผ่านแอปฯ อโกด้า พอเข้าพักเสร็จ ทางแอปฯได้ส่งแบบสอบถามมา เพื่อประเมินหลังจากเข้าพักโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งเธอก็เขียนประเมินไปตามความเป็นจริง เพราะอยากให้มีการปรับปรุงแก้ไข โดยไม่มีจุดประสงค์กลั่นแกล้ง เพราะไม่ได้อยากมีปัญหากับทางโรงแรม อีกอย่างเธอไม่ใช่นักรีวิวด้วยซ้ำ
โดยหลังจาก รีวิวโรงแรม ไป คุณขิง ได้รับหนังสือจากสำนักทนายความของโรงแรมดังกล่าว โดยมีเนื้อหา คือ 1. ให้ลบข้อความ หากไม่ลบ จะต้องจ่ายวันละ 5 หมื่นบาท นับจากวันที่ได้รับหนังสือ หากยังไม่ลบจะคิดวันละ 5 หมื่น
2. ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 3 ล้านบาท ภายใน 15 วัน
3. ให้กล่าวคำขอโทษทางโรงแรม ระยะเวลา 7 วัน วันละ 5 ฉบับ ซึ่งเธอเองยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับทางฝั่งโรงแรมและสำนักทนายความที่ส่งหนังสือมาแต่อย่างใด อีกทั้งข้อความที่เขียนรีวิวแบบสอบถามผ่านแอปฯ อโกด้า ก็เป็นคนเอาลง ซึ่งเธอไม่ทราบด้วยซ้ำว่า ข้อความที่เขียนแบบสอบถามไปจะถูกนำไปลงรีวิวที่พัก เพราะหากไม่ใช่ลูกค้าอโกด้า ก็ไม่มีสิทธิ เขียนรีวิวได้ และเธอเองไม่มีสิทธิลบข้อความนี้ได้เองด้วย ต้องแอปฯ อโกด้า เท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (7 ม.ค.) เฟซบุ๊กแฟนเพจทนายตั้ม ได้แจ้งว่า เวลานี้ทาง อโกด้า ได้ลบข้อความของคุณขิงออกไปแล้ว โดยชาวเน็ตบางคนที่คาใจประเด็นรีวิวที่พัก ก็อินบ็อกซ์สอบถามหากไปเจอที่พักหรือสถานที่ซึ่งแย่จริงๆ ผู้เข้าพักมีข้อปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติอย่างไรบ้าง ทนายคนดังก็เข้ามาไขข้อข้องใจ โดยตอบว่า “รีวิวได้ทั้งหมดแต่ต้องตามความเป็นจริง ความสุจริตจะปกป้องเราเองครับ”
สาวมึน! กินยาโควิดตาเป็นสีม่วง แพทย์ชี้ หยุดใช้ยากลับมาปกติ
เหลือเชื่อ! สาวติดโควิด กินยาฟาวิพิราเวียร์ ตาเป็นสีม่วง แพทย์ชี้ ไม่อันตราย อาการข้างเคียงหายไปเมื่อเลิกใช้ยา 6 ม.ค.65 ผู้ใช้ Tiktok @praewzimได้โพสต์เรื่องราวน่าประหลาดใจที่เกิดขึ้นกับเธอ หลังจากที่เธอติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และได้ทำการรักษาตัว ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ภายในโพสต์ระบุว่า เธอตรวจหาเชื้อโควิด-19 ถึง 4ครั้ง ถึงจะพบเชื้อ และหลังจากเข้ารับการรักษาตัว โดยการรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ ปรากฎว่าในวันที่ 2 สีดวงตาของเธอเปลี่ยนจากสีดำปกติเป็นสีม่วง
หลังจากโพสต์นี้ถูกแพร่กระจายออกไป ชาวโซเชียลต่างแห่เข้ามาคอมเมนต์ บางคนชอบเพราะมองว่าสวย แต่หลายๆคนก็กลัวว่าจะเกิดผลกระทบอะไรหรือไม่?
เรื่องนี้เคยมีแพทย์ท่านหนึ่งนามว่า รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ฯ โพสต์เฟซบุ๊ก “นิธิพัฒน์ เจียรกุล” ซึ่งบางส่วนของโพสต์เกี่ยวข้องกับเรื่องตาเปลี่ยนสีหลังจากใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ โดยมีการสันนิษฐานทางการแพทย์ว่าตัวยามีคุณสมบัติเรืองแสง โดยสามารถสะสมที่กระจกตา ผิวหนัง เล็บ โดยไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด เมื่อหยุดใช้ยา การสะสมทั้งหมดจะถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ และอาการตาเปลี่ยนสีก็จะหายไป
เซ็นทรัล เวสต์เกต เปิดให้บริการฉีด วัคซีนโควิด เข็ม 3 แบบ Walk-In โดยเป็นยี่ห้อ AstraZeneca (booster) มีจำนวน 1,000 คน ภายในเวลา 12.00-14.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ม.ค. 2565) เพจเฟซบุ๊ค – ไทยรู้สู้โควิด ได้ทำการประกาศถึงการให้บริการฉีด วัคซีนโควิด เข็ม 3 แบบ Walk-In ณ เซ็นทรัล เวสต์เกต โดยวัคซีนโควิด-19 ที่จะใช้งานนั้นจะเป็นยี่ห้อ AstraZeneca (booster) ซึ่งจะรองรับผู้ที่ต้องการได้จำนวน 1,000 คน
“ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรี ได้มาเยี่ยมที่จุฬาฯ รับฟังปัญหาและทางออกจริงจังมาก ผมเสนอว่า หากอยากเห็นอย่างน้อย 1 วัคซีนไทยได้ขึ้นทะเบียนในปีหน้า หากโชคดีเร็วกว่านั้นจะเป็นของขวัญปีใหม่ไทย จึงควรให้งบฯเหมือนในต่างประเทศ โดยมีงบฯ 3 พันล้านบาทต่อ 1 วัคซีน มากองไว้ และมีระบบในการอนุมัติเงินเป็นกรอบ ขั้นตอนการอนุมัติต้องมีความคล่องตัว ซึ่งท่านได้ให้ฝ่ายสำนักงานเลขาธิการประสานกับเราตลอดเวลาว่า ปัญหาอยู่ตรงไหน ซึ่งท่านรักษาสัญญา
Credit : 2014jordan5retro.com 2aokhoacda.com 2aokhoacnu.com 3rwaa.net aajudaism.org aisges.org alainmaillet.org alaskamountainforum.com allanwall.net alliedmasonicdegreesspai